fbpx

ลงทะเบียนรับสิทธิก่อนใคร






    5 คำถามยอดฮิต กับ Motiva ซิลิโคนน้องใหม่มาแรง

    หากกล่าวถึงการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก นอกจากเรื่องฝีมือและความชำนาญการของแพทย์แล้ว ซิลิโคนก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva แบรนด์น้องใหม่ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีซิลิโคนรูปแบบใหม่ ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงสรีระ และโครงสร้างของร่างกายเป็นหลัก โดยออกแบบให้รูปทรงของซิลิโคน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการเคลื่อนไหว เปลี่ยนรูปทรงตามแรงโน้มถ่วง พร้อมวัสดุเจลที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีความนิ่มมากเป็นพิเศษให้สัมผัสธรรมชาติ

    ซิลิโคนมาแรงอย่าง Motiva เป็นใคร มาจากไหน เรามาทำความรู้จักกันค่ะ

    1. Motiva เป็นใคร มาจากไหน?

    เมื่อเร็วๆ นี้ สาวไทยคงจะได้ยินซิลิโคนรุ่นใหม่ที่โด่งดังมากที่ประเทศเกาหลี จนคนนึกว่า Motiva เป็นซิลิโคนที่เมดอินโคเรีย แต่จริงๆ แล้ว Motiva มีฐานผลิตอยู่ที่อเมริกาใต้ และ บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ New York ค่ะ แต่มาฮิตมากๆ ที่เกาหลีใต้เนื่องจากเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องการศัลยกรรมเสริมหน้าอก และตอนนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยแล้ว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก สาวไทยเปิดใจลองซิลิโคน Motiva ซึ่งผลลัพธ์ดีเป็นไปตามคาดด้วยเรื่องความธรรมชาติ สัมผัสนิ่ม ไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาหลี ก็มีหน้าอกสวยๆ ได้แล้วค่ะ

    2. Motiva แตกต่างจากซิลิโคนยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

    สิ่งที่ต้องพูดถึงอย่างแรกเลย คือ เรื่องของสัมผัสความนิ่ม เพราะ Motiva ทำจากเจลรุ่นพิเศษ ที่มีความนิ่มมากและให้สัมผัสดุจธรรมชาติ นอกจากนี้ผิวสัมผัสของซิลิโคน ยังถูกออกแบบมาด้วยวัสดุที่เรียกว่า Nano Texture ที่มีคุณสมบัติระหว่างผิวเรียบ และ ผิวทราย ไม่เรียบลื่นและไม่เป็นเนื้อหยาบจนเกินไป แต่มีความนุ่มละมุน และถูกเรียกว่า Silk Surface Plus เพราะสัมผัสนุ่มดั่งไยไหมค่ะ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันการลื่นไหลของซิลิโคน และป้องกันการเกิดพังผืดหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอกอีกด้วยค่ะ

    3. ทำไม Motiva ถึงเป็นซิลิโคนที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย ?

    ซิลิโคน Motiva ยังมีนวัตกรรมรุ่นใหม่ออกมา ชื่อว่า Ergonomix ที่ถูกออกแบบมาให้ปรับเปลี่ยนรูปทรงไปตามสรีระและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะนอน เดิน หรือ ออกกำลังกาย รูปทรงของซิลิโคนก็จะเคลื่อนไหวไปตามสรีระศาสตร์ ทำให้รูปร่างของหน้าอกมีความธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่เป็นบล็อก

    4. พักฟื้นน้อยจริงหรอ ?

    จริง! เพราะ Motiva เป็นซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่นสูง แพทย์ผู้ชำนาญการใช้การเปิดแผลขนาดเล็กก็สามารถใส่ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เข้าไปได้ การเปิดแผลขนาดเล็กทำให้หลังผ่าตัดคนไข้สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว ยิ่งเปิดแผลใหญ่เท่าไหร่ ระยะเวลาในการพักฟื้นก็ยิ่งนานเท่านั้น

    5. จะตรวจสอบได้อย่างไร ว่าเป็นซิลิโคน Motiva แท้ ?

    ก้าวไปอีกขั้นกับวงการเสริมหน้าอก ด้วยซิลิโคน Motiva Ergonomix รุ่นฝังชิปพิเศษ เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ในการผ่าตัดเสริมหน้าอกครั้งนั้น โดยการตรวจสอบสามารถตรวจสอบได้จากเครื่องสแกน นอกจากนี้ Motiva ยังมี Application เพื่อใช้ในการตรวจสอบซิลิโคนของแท้ เช็กหมายเลข Series และเก็บไว้เป็นข้อมูลการผ่าตัดได้อีกด้วยค่ะ

    Motiva เป็นซิลิโคนรุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิต และยังมีระบบชิปที่ใช้ในการตรวจสอบและบันทึกข้อมูล ทำให้ Motiva เป็นซิลิโคนน้องใหม่ที่มาแรงที่สุดในขณะนี้

    ปัจจุบันวิธีการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีกี่แบบ ?

    1.การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (BREAST IMPLANT)

    เป็นวิธีการเสริมหน้าอกที่ได้รับความนิยมสูงสุด การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน มีมานานกว่า 50 ปีแล้ว และได้มีวิวัฒนาการทางการแพทย์ทั้งเรื่องของวัสดุเต้านมเทียมที่ใช้ ตั้งแต่เรื่องของถุงหุ้มจนถึงวัสดุที่เป็นของเหลวด้านใน เคยมีการใช้วัสดุอื่นๆ รวมทั้งถุงน้ำเกลือ ปัจจุบันได้รับการพัฒนามาเป็นถุงซิลิโคนเสริมหน้าอก มีหลายแบบ หลายขนาด หลายประเภทผิว และมีความนุ่มคล้ายกับหน้าอกธรรมชาติ แต่การเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนมีข้อเสีย คือ ในคนไข้บางรายอาจมีโอกาสที่ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมา แต่ปัจจุบันนี้ ถุงซิลิโคนที่ผลิตออกมารุ่นใหม่ๆ บวกกับความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้ช่วยลดอัตราการเกิดพังผืดไปได้มาก

    2.การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (CAL หรือ CELL ASSISTED LIPOPLASTY)

    เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะใช้การดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่างๆ ของร่างกายเรา นำมาเข้ากระบวนการคัดแยก เก็บเฉพาะไขมันที่มีคุณภาพสูง แล้วฉีดกลับเข้าไปบริเวณหน้าอก วิธีการนี้จะทำให้ได้หน้าอกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด มีความนุ่มเสมือนจริง เพราะเป็นไขมันของร่างกาย แต่วิธีการย้ายเซลล์ไขมันนั้น ต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทาง เพราะจะทำให้เซลล์ไขมันนั้นอยู่รอดได้มากที่สุด และการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันตัวเองมีข้อจำกัดในการเพิ่มไซซ์ที่มีขนาดใหญ่มาก

    3.การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ร่วมกับการฉีดไขมันตัวเอง (HYBRID BREAST AUGMENTATION)

    เรียกได้ว่าเป็นการรวม 2 วิธีข้างต้น และถือว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง เพราะใช้วิธีการเสริมหน้าอกโดยการใส่ซิลิโคน เพื่อเพิ่มขนาดของหน้าอก ร่วมกับการฉีดไขมันรอบๆ ซิลิโคน เพื่อทำให้หน้าอกนั้นมีความนุ่มและเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่วิธีการนี้ เป็นวิธีการเสริมหน้าอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ทำไมการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน จึงได้รับความนิยมสูงสุด ?

    ซิลิโคนได้ถูกพัฒนามาจากถุงเต้านมเทียม แม้ว่าถุงเต้านมเทียม รั่ว หรือฉีกขาด ก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนัก แต่ก็จำเป็นต้องทำการผ่าตัดออก โดยเมื่อหลายปีก่อนเคยมีการใช้ถุงน้ำเกลือแทน และในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนามาเป็นวัสดุเจลพิเศษอยู่ในถุงซิลิโคน ที่มีความทนทานสูงมาก ไม่แตก ไม่รั่วซึม หากเกิดการฉีกขาด วัสดุเจลนี้ก็จะไม่ซึมเข้าสู่ร่างกาย รูปแบบของถุงซิลิโคนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีอยู่ 2 แบบ คือ ถุงซิลิโคนทรงกลม และถุงซิลิโคนทรงหยดน้ำ

    เสริมหน้าอก ทรงไหนดี ?

    ซิลิโคนที่ใช้สำหรับเสริมหน้าอกปัจจุบันมีให้เลือก 2 ประเภท คือ

    1. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ จะมีลักษณะคล้ายหยดน้ำ โดยส่วนล่างจะป่องออก ด้านบนจะมีลักษณะแบน ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำนี้จะเหมาะกับสาวๆ ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย หรือสาวอกไก่ที่มีซี่โครงตรงกลางนูนขึ้นมา ซิลิโคนทรงหยดน้ำนี้หลังจากศัลยกรรมแล้วจะมีความคล้อย คล้ายหน้าอกธรรมชาติ
    2. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม จะมีลักษณะกลม มีฐานกว้าง ทั้งนี้การเลือกซิลิโคนให้เหมาะสม ควรดูที่พื้นฐานหน้าอก ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมนั้นจะเหมาะกับสาวอกแบน และฐานหน้าอกเป็นแบบทั่วไป หรือสาวๆ ที่มีเนื้อนมอยู่บ้างแต่ต้องการเติมเต็มให้ได้รูปหรือแก้ไขข้อบกพร่อง เช่น หน้าอกที่หย่อนคล้อยอยากปรับให้กลมสวย

    การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมีกี่แบบ ?

    ในปัจจุบัน การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยใช้ซิลิโคน ทำได้โดยการเปิดแผลขนาดเล็กเพื่อนำซิลิโคนเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ วิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ

    1. การผ่าตัดนำซิลิโคนเข้าโดยเปิดแผลใต้ราวนม (Inframammary Incision) เป็นวิธีการที่นิยม เพราะแพทย์สามารถควบคุมตำแหน่งการวางซิลิโคนได้ง่าย สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้ แต่แผลก็อาจจะใหญ่ขึ้น วิธีการนี้เหมาะกับการเสริมหน้าอกแบบปกติ คนไข้ฟื้นตัวได้รวดเร็ว
    2. การผ่าตัดนำซิลิโคนเข้าโดยการเปิดแผลทางรักแร้ (Transaxillary Incision) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นการซ่อนแผลได้ดี อยู่บริเวณรักแร้ แต่เนื่องจากมีความซับซ้อนในการผ่าตัด ทำให้ฟื้นตัวได้ช้ากว่า
    3. การผ่าตัดนำถุงซิลิโคนเข้าโดยการเปิดแผลทางปานนม (Periareolar Incision) เป็นวิธีที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการเสียความรู้สึกของปลายประสาทรอบๆ หัวนม

    การวางตำแหน่งของซิลิโคน

    การวางตำแหน่งของซิลิโคนในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ

    1. การวางซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อ เหมาะกับคนที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง การผ่าตัดทำได้ง่าย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
    2. การวางซิลิโคนไว้ใต้ชั้นกล้ามเนื้อ เป็นอีกวิธีที่แพทย์นิยมทำ เหมาะกับคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย และการวางซิลิโคนไว้ใต้ชั้นกล้ามเนื้อจะทำให้คลำเจอขอบซิลิโคนได้ยากกว่า

    ทั้งนี้การวางตำแหน่งของซิลิโคนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของรูปทรงหน้าอก ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งประเภทซิลิโคนที่เลือกใช้ ขนาด และปัจจัยอีกหลายๆ อย่างร่วมกัน รวมถึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ผ่าตัดถึงความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

    ผิวสัมผัสของซิลิโคนที่ได้รับความนิยม

    1. ซิลิโคนผิวเรียบ (Smooth Breast Implant) เป็นซิลิโคนที่มีสัมผัสนุ่มเป็นธรรมชาติ เพราะผิวของซิลิโคนมีความบาง เรียบ ลื่น ทำให้บางครั้งเกิดการเลื่อนไหลของซิลิโคนที่ผ่าตัดเข้าไป เชื่อกันว่า ซิลิโคนผิวเรียบมีโอกาสเกิดพังผืดได้มากกว่า จึงมีการผลิตซิลิโคนผิวทรายขึ้นมา
    2. ซิลิโคนผิวทราย (Textured Breast Implant) เป็นซิลิโคนที่ผิวสัมผัสของซิลิโคนมีความหยาบและหนากว่าซิลิโคนผิวเรียบ ช่วยป้องกันการเลื่อนไหลของซิลิโคน และช่วยลดการเกิดพังผืด แต่ปัจจุบันพบว่า โอกาสการเกิดพังผืดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ชนิดผิวสัมผัสของซิลิโคนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดได้จากตำแหน่งการวางซิลิโคนด้วย โดยการผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อ ร่างกายมีโอกาสสร้างพังผืดได้สูงกว่า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
    3. ซิลิโคนนาโน (Nano Texture Breast Implant) เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ไปอีกขั้น ที่มีการผลิตซิลิโคนชนิดใหม่ ที่มีผิวซิลิโคนแบบ Nano Texture ซึ่งมีคุณสมบัติอยู่ระหว่างผิวเรียบและผิวทราย คือ ไม่เรียบจนเกินไป และ ไม่หยาบเหมือนผิวทราย ช่วยป้องกันการเกิดพังผืด และให้สัมผัสที่นุ่มกว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานอย่างลงตัว

    การเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

    1. งดแอลกอฮอล์ก่อนทำศัลยกรรมอย่างน้อย 6 ชม.
    2. งดวิตามินทุกชนิด ที่มีผลต่อการพักฟื้นหลังทำศัลยกรรม
    3. เสริมหน้าอกเปิดแผลใต้ราวนม แผลเล็ก ไม่เป็นคีลอยด์
    4. ต้องตรวจเลือดก่อนศัลยกรรม ทางคลินิกมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ อำนวยความสะดวก
    5. ใช้ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชม.
    6. ซิลิโคนหน้าอกมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 255CC – 450CC สามารถปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนตัดสินใจได้
    7. เสริมหน้าอกที่ F Clinic ไม่ต้องค้างคืน สามารถกลับบ้านได้หลังทำทันที
    8. ควรเข้าพบแพทย์ตามวันนัดหมายอย่างเคร่งครัด

    การดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก

    1. ไม่ควรนอนราบ
    2. ไม่ควรนวดแรงๆ ก่อนตัดไหม
    3. ต้องใส่สปอร์ตบราหรือซัพพอร์ตบราเป็นระยะเวลา 45 วัน
    4. ไม่ควรยกของหนัก
    5. ออกกำลังกายได้หลังจากหยุดใส่ซัพพอร์ตบรา
    6. แผลไม่ควรโดนน้ำ 8 วัน
    7. เข้าพบแพทย์ตามกำหนดอย่างเคร่งครัด

    ทำไมต้องเสริมหน้าอกที่ F Clinic

    1. แพทย์มีประสบการณ์ด้านศัลยกรรม ทำให้คนไข้พึงพอใจในผลการรักษา รอยแผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
    2. ทรงสวย หน้าอกชิด ผลการรักษาตอบโจทย์ทุกปัญหาหน้าอกของสาวไทย ศัลยแพทย์ออกแบบทรงหน้าอกให้สวยชิด ทำให้คนไข้มีความมั่นใจหลังการรักษา
    3. ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ การศัลยกรรม ที่ F Clinic ลูกค้าต้องตรวจร่างกายก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าสุขภาพแข็งแรง สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้
    4. ดมยาโดยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และคอยดูแลตลอดกระบวนการผ่าตัด
    รีวิวเสริมหน้าอก ที่ F Clinic

    *รีวิวนี้ได้รับการยินยอมให้เผยแพร่จากผู้เข้ารับบริการ

    *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ 

    *ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

    *รีวิวนี้ได้รับการยินยอมให้เผยแพร่จากผู้เข้ารับบริการ

    *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ

    *ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

    *รีวิวนี้ได้รับการยินยอมให้เผยแพร่จากผู้เข้ารับบริการ

    *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ

    *ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

    ลงทะเบียนรับสิทธิก่อนใคร