ศัลยกรรมเสริมคาง
โดยปกติทั่วไปแล้ว คนไทยและคนเอเชียจำนวนมากมักจะมีลักษณะคางที่สั้น ทำให้ใบหน้าดูสั้นไม่สมส่วน ไม่สวย การเสริมคางถือว่าเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมาก การเสริมคางเป็นการเสริม แต่งใบหน้าให้สมส่วน กลมกลืน ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีคางเล็ก ใหญ่ ที่ไม่ได้สัดส่วน หรือปรับคางถดถอยไปด้านหลังมากเกินไป ให้กลับมาสวยงามได้ รูปทรง คาง เป็นจุดหนึ่งที่สำคัญของความงามบนใบหน้า
วัสดุที่ใช้ในการเสริมคาง
ศัลยกรรมเสริมคางด้วยซิลิโคน : ซิลิโคนสำหรับการนำมาเสริมนั้น FClinic เลือกใช้ซิลิโคนนิ่ม จุดเด่นคือมีความยืดหยุ่นสูง ผิวสัมผัสดูเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกับคางของจริง สำหรับซิลิโคน ถูกนำมาใช้ในวงการศัลยกรรมตกแต่งมานานแล้ว ถือเป็นวัสดุที่มีความทนทาน และส่วนใหญ่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
วิธีการผ่าตัดเสริมคางของ F clinic
วิธีที่ 1. การผ่าตัดลงด้านนอก เป็นการผ่าตัดบริเวณใต้คาง แต่ไม่ค่อยนิยม เนื่องจากเห็นแผลด้านอก แต่ก็มีข้อดี คือ โอกาสติดเชื้อจะน้อยกว่าการผ่าตัดด้านใน
ข้อดี
1. มีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าการเปิดแผลในช่องปาก
2. กล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างน้อย เพราะแพทย์สามารถหลีกเลี่ยงกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเพื่อเข้าสู่ขอบล่างของกระดูกกรามได้โดยตรง
3. เมื่อเกิดปัญหาซิลิโคนเบี้ยวหรือเอียงจะแก้ไขได้ง่ายกว่า เพราะสามารถผ่าตัดซ้ำที่แผลภายนอกได้เลย
4. สามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้ง่าย
ข้อเสีย
1. มีแผลเป็นเล็กน้อย ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร
2. การเปิดแผลภายนอกไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ (Keloid)
วิธีที่ 2. การผ่าตัดลงในปาก เป็นการผ่าตัดเปิดแผลด้านในปาก บริเวณซอกเหงือกกับริมฝีปากล่าง ความยาวของแผลประมาณ 2 ซม. หลังจากนั้น ก็จะแยกเยื่อหุ้มกระดูกคางตรงขอบล่างขึ้นมา แล้วจึงจะวางแท่งซิลิโคน เข้าไปให้พอดีตรงตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็สามารถกลับบ้านได้เลย
ข้อดี
1. ไม่มีแผลเป็น เพราะมองไม่เห็นแผลจากภายนอก
ข้อเสีย
1. แม้มองไม่เห็นแผลภายนอก แต่แผลในปากที่อยู่ติดกับร่องเหงือกจะไม่ค่อยสวยและเห็นชัด
2. มีโอกาสติดเชื้อสูง เพราะในช่องปากมีน้ำลายตลอดเวลา และตอนทานอาหาร เศษอาหารอาจตกลงไปตามขอบแผลได้
3. การวางซิลิโคนไว้ให้ติดกับกระดูกกรามล่างนั้น มีโอกาสเคลื่อนที่และไม่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการได้
4. อาจเกิดปัญหากับกล้ามเนื้อคางและเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้มีการหดตัวของกล้ามเนื้อคาง เมื่อมองจากภายนอก ผิวหนังอาจดูไม่เรียบเนียนได้
5. มีพื้นที่ในการผ่าตัดค่อนข้างจำกัด ต้องกรีดเปิดแผลในปากค่อนข้างยาวเพื่อวางซิลิโคน ทำให้เนื้อเยื่อช้ำและมีเลือดออกมาก การเย็บปิดแผลก็ค่อนข้างยุ่งยาก
6. เมื่อเกิดปัญหาซิลิโคนเบี้ยวหรือเอียงจะแก้ไขได้ยาก เพราะแผลเย็บในปากมีมากแล้ว การผ่าตัดซ้ำอีกก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มแผลมากขึ้น
ใคร? ที่ควรศัลยกรรมเสริมคาง
1. คนที่มีอาการสบฟันผิดปกติ คางยื่นออกมาข้างหน้า
2. คนที่คางเล็กมากเกินไป คางหดสั้นเข้าไปด้านใน
3. คนที่โครงหน้าไม่ได้รูป กรามและคางไม่สมส่วน
4. คนที่ใบหน้าสั้น สัดส่วนคางไม่เข้ารูปกับสัดส่วนใบหน้าส่วนอื่นๆ
3 เหตุผลที่เสริมคางกับที่ F Clinic
1. ออกแบบและวิเคราะห์คางตามความเหมาะสมของรูปหน้า เพื่อให้ได้โครงหน้าสวยได้รูปสมบูรณ์แบบที่สุด
2. ทำหัตถการโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง
3. เรามีระบบการดูแลหลังผ่าตัดสำหรับผู้ที่เสริมคางโดยเฉพาะ เนื่องจากการเสริมคางจะต้องดูแลหลังผ่าตัดในช่วงอาทิตย์แรกเป็นพิเศษ เพื่อลดอาการบวมช้ำ และอาการอักเสบ ระบบนี้จะช่วยให้คุณพักฟื้นในระยะเวลาที่ไม่นาน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการศัลยกรรมเสริมคางที่ F Clinic
เพื่อให้การผ่าตัดศัลยกรรมได้ผลดี ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดควรเตรียมตัว ดังนี้
1. ไม่ต้องอดอาหาร เนื่องจากเป็นการผ่าตัดโดยใช้ยาชาเฉพาะที่เท่านั้น ไม่ต้องดมยาสลบ แต่ก็ไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป ป้องกันอาการแน่นอึดอัดท้องระหว่างการผ่าตัด
2. งดกลุ่มยาที่จะมีผลต่อการหยุดเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนการผ่าตัด หยุดรับประทานสมุนไพรวิตามินอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 3-5 วัน เพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่าย และออกมากกว่าปกติ
3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า ซึ่งถ้าหากการล้างหน้าไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
4. แปรงฟันทำความสะอาดช่องปากให้พร้อมก่อนการผ่าตัด
5. งดหรือเลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะมีผลต่อการหายของแผล ทำให้แผลหายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
6. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในคืนก่อนผ่าตัด และ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
7. แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยารับประทาน ยาชา หรือยาสลบ ให้แพทย์ทราบ
8. เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม และควรรับทราบว่าหลังการผ่าตัดมีโอกาสเกิดรอยช้ำและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าที่หรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมคาง
1. ในช่วง 3 วัน หลังผ่าตัด แนะนำให้ประคบด้วยน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันการบวมโดยวางถุงประคบรอบๆ คาง
2. แนะนำในช่วง 1 อาทิตย์ แรกให้เข้ามาที่คลินิกเพื่อทำการล้างทำความสะอาดแผลทุกวันเพื่อป้องกันการสะสมของเศษอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการติดเชื่อ และอักเสบ
3. ในช่วงวันที่ 4 – 6 หลังผ่าตัด แนะนำให้ประคบร้อนด้วยไข่ต้มเพื่อลดลดอาการบวมช้ำบริเวณรอบๆ คาง
4. นอนศีรษะสูง และห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะเนื่องจากอาจไปกดทับบริเวณคางที่ยังอักเสบอยู่
5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบอย่างเคร่งครัด
6. ขณะรับประทานอาหารในช่วง 1 อาทิตย์แรก แนะนำให้ทานโดยหลอดดูดอาหาร เพื่อป้องกันเศษอาหารตกลงไปในบริเวณแผล
7. มาตามนัดที่ได้รับจากทางคลินิก ห้ามแกะพลาสเตอร์ หรือตัดไหมออกเองก่อนกำหนด
8. ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผ้าเปียกเช็ด หรือทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแทนการล้างหน้า
9. อาการบวมเขียวช้ำอาจมีขึ้นได้หลังผ่าตัด โดยเฉพาะในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 3-4 เดือนกว่าเนื้อเยื่อจะกลับมาใกล้เคียงปกติ บางรายอาจต้องใช้เวลานาน 6 เดือน ถึง 1 ปี
10. หลีกเลี่ยงการก้มหน้ามากๆ เช่น นั่งอ่านหนังสือ เล่นคอมฯ ยกของหนัก ส่ายหน้าหรือเอียงหน้าแรงๆ โดยเฉพาะ 2 อาทิตย์แรก
11. หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ประมาณ 3 เดือน
12. หลีกเลี้ยงการทานอาหารทะเล ของหมักของดอง อาหารรสจัด และอาหารที่คบเคี้ยวยากในช่วง 1 เดือนแรก
13. สามารถออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่ง หรือว่ายน้ำ ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
14. หากมีความผิดปกติอื่นๆ สามารถมาปรึกษาที่คลินิกได้ทันที
รีวิวเสริมคางที่ F Clinic
*รีวิวนี้ได้รับการยินยอมให้เผยแพร่จากผู้เข้ารับบริการ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจ
*ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล